พระราชสมภพ

      สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันเสาร์ที่ ๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๘ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ทรงมีพระนามเดิมว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์ ทรงเป็นพระราชธิดาพระองค์ที่ ๒ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

 

     “พระนามสิรินธร ได้รับการถวายจาก สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงค์ โดยนำมาจากสร้อยพระนามของสมเด็จพระราชปิตุฉาเจ้า เจ้าฟ้าวไลยลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร ซึ่งเป็นพระราชปิตุฉา (ป้า) ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช สำหรับสร้อยพระนาม “กิติวัฒนาดุลโสภาคย์” ประกอบขึ้นจากพระนามาภิไธยของสมเด็จพระบรมราชบุพการี ๓ พระองค์ ได้แก่ กิติ มาจากพระนามาภิไธย “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” สมเด็จพระราชชนนี (แม่) ส่วน “วัฒนา” มาจากพระนามาภิไธย ของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี สมเด็จพระอัยยิกา (ย่าทวด) และ “อดุล” มาจากพระนามมาภิไธยของ “สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลเดชวิกรม พระบรมราชชนกสมเด็จพระอัยกา (ปู่) (๑)

 

      วันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๒๐ ในวโรกาสวันเฉลิมพระชนม์พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม สถาปนาพระอิสริยยศสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์ ให้ทรงขึ้นเป็นเฉลิมพระนามตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฎว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร รัฐสีมาคณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี (๒)

เมื่อทรงพระเยาว์

      สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นเด็กซุกซนตั้งแต่ยังทรงเป็นทารกน้อย

 

      “เมื่อพี่เลี้ยงบ่นว่า ข้าพเจ้าซนไม่ทราบจะเลี้ยงอย่างไร จับใส่คอกก็ปีนคอกได้เกรงจะเป็นอันตรายก็ต้องผูก ก็ทรงออกแบบตาข่ายคลุมเพื่อให้อยู่ในคอก ไม่ต้องผูก และก็ไม่เป็นอันตราย เมื่อข้าพเจ้าอาละวาด ก็เสด็จมาอาละวาดให้ดูจนข้าพเจ้างงตะลึง และก็ทรงถามว่าแบบนี้ดีหรือไม่ ถ้าเห็นว่าไม่ดีก็ไม่ควรทำ ข้อนี้ได้ผล เพราะโตขึ้นมาข้าพเจ้าไม่เคยอาละวาด เอะอะหรือกระแทกกระทั้น” (๓)

 

      เมื่อทรงพระเยาว์นั้น พระพลานามัยไม่สมบูรณ์ ทรงประชวรบ่อย และ ทรงมีปัญหาด้านพระนาภีมาก แต่ก็ค่อย ๆ ฟื้นพระองค์ดีขึ้นตามพระวัยที่เจริญขึ้น
“เมื่อข้าพเจ้าเล็ก ๆ มิได้มีรูปร่างใหญ่โตแข็งแรงเหมือนในปัจจุบันนี้ และค่อนข้างขี้โรค ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ...” (๔)

 

      “...ป้าจัน (คุณจันทิมา) เล่าว่าตอนทรงพระเยาว์เมื่อพระชนน์ได้ ๗ เดือน ทูลหม่อมพระนาภีเสียง่าย พระพี่เลี้ยงทดลองถวายซุปสาคู ๑ ช้อนชาเป็นอาหารเสริม ปรากฎฎว่าเสวยได้โดยที่พระนาภีปกติดี แต่พอวันรุ่งขึ้นลองถวายเพิ่มอีก ๑ ช้อน พระนาภีกลับเสีย ฉะนั้นเวลาจะเพิ่มปริมาณของเสวย จะต้องทิ้งช่วงหลาย ๆ วัน รอให้พระนาภีชินเสียก่อนจึงจะเพิ่มที่ละนิด เช่น ไข่แดงลวก จะเพิ่มถวายทีละหยด ผักตำลึงเพิ่มทีละใบ แต่เมื่อเจริญพระชนมายุขึ้น พระนาภีก็แข็งแรงขึ้นเป็นลำดับ จนเมื่อครั้งเสด็จฯ กลับมากประเทศอังกฤษ (ซึ่งเสด็จประทับอยู่ราว ๓ เดือน เมื่อพระชนมายุ ๑๑ พรรษา) พระพลานามัยของทูลหม่อมก็สมบูรณ์แข็งแรงขึ้นมากขนาดร่วมเสวยมะม่วงนํ้าปลาหวานหรือส้มตำปูเค็ม (ที่เพื่อนแอบเอามาโรงเรียน) ได้อย่างสบาย (๕)